My pic

My pic

วันอาทิตย์ที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2559

รอบรู้การเกษตร

การผลิตพืชหรือการปลูกพืชในประเทศไทย เริ่มต้นมาช้านานแล้ว เพราะสภาพของประเทศไทยเป็นประเทศกสิกรรม เหมาะกับการปลูกพืช ซึ่งในระยะแรก พืชที่ปลูกคือ ข้าว เป็นการปลูกเพื่อยังชีพต่อมาบ้านเมืองพัฒนาขึ้น มีการปลุกพืชหลากหลายชนิด เป็นพืชอาหาร เช่น ข้าว พืชผักผลไม้ชนิดต่างๆ ข้าวโพด มันสำปะหลัง อ้อย ถั่วเหลือง มะพร้าว สับปะรด และพัฒนาเป็นพืชอุตสาหกรรม สร้างรายได้นับแสนล้านบาทต่อปี และสร้างแรงงานในชนบทให้คนไทยมีงานทำอย่างต่อเนื่อง




วันศุกร์ที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2559

10 วิธีง่าย ๆ ในชีวิตประจำวันให้มีความสุข (INN)
โดย นพ.วัลลภ พรเรืองวงศ์ รพ.ห้างฉัตร ลำปาง
อาจารย์อนาฮัด โอ'คอนเนอร์ตีพิมพ์เรื่อง 'Cultivating happiness takes deliberate attention' = "การเพาะปลูก (บ่มเพาะ สร้างเสริม) ความสุขด้วยการใส่ใจอย่างรอบคอบ (= การมองโลก)" ผู้เขียนขอนำมาเล่าสู่กันฟังครับ [Telegraph ]
 (1). คิดถึงเรื่องดีๆ ก่อนนอน
ไม่ควรดูข่าวเครียด ๆ เช่น การเมืองเป็นสี ๆ ในไทยข่าว 3 จังหวัดภาคใต้ ฯลฯ ก่อนนอน หรือถ้าจะให้ดีกว่านั้น... ไม่ควรดูข่าวหรือคุยเรื่องข่าวแบบนี้หลังเที่ยงวัน ควรคิดเรื่องอะไรก็ได้ที่ทำให้เรามีความสุขหรือมีความทรงจำดี ๆ ในวันนี้ โดยเฉพาะการทำดีเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เราทำแล้วสบายใจ เช่น วันนี้ทำส้มตำให้คุณแม่ นวดให้คุณพ่อ อาบน้ำให้น้องหมา ฯลฯ
เวลาคิดดี ๆ ให้ใส่ใจด้วยว่า เรายิ้มน้อย ๆ หรือไม่... ถ้ายังไม่ยิ้มให้ยิ้มน้อย ๆ ด้วยสังเกตด้วยว่า ใจเรารู้สึกดีเวลาคิดเรื่องดี ๆ... ความตึงเครียดบริเวณคอ-ไหล่จะลดลง ปล่อยให้ความรู้สึกดี ๆ นี้แสดงออกทางกาย
 (2). หัดมีความสุขกับเรื่องเล็กๆ
หัดเป็นคนมี "สุขเล็ก ๆ" เช่น ทำกับข้าวกับเพื่อน ๆ กินอาหารสุขภาพ ฯลฯ แทนการพึ่งพิง "สุขใหญ่ ๆ" เช่น ต้องบินไปรอบโลก 2 รอบจึงจะมีความสุข น้อยกว่านี้สุขไม่ได้ ฯลฯ ดู TV ให้น้อยลง... ออกไปหาธรรมชาติ เช่น เดินเล่นกับน้องหมา ปลูกต้นไม้ ซึ่งจะเป็นไม้กระถาง หรืออะไรก็ได้ เช่น หัดเพาะถั่วงอกไว้กินเอง ฯลฯ โลก IT มีคำกล่าวหนึ่ง คือ 'second best' หรือ "ของดีอันดับสอง (รองจากดีที่สุด)" มักจะมีความคุ้มทุน หรือคุ้มค่าสูงกว่าของดีอันดับหนึ่งเสมอ เช่น คอมพิวเตอร์รุ่นดีรองลงไป (อันดับ 2) มักจะใช้การได้ดีเกือบเท่าอันดับ 1 แต่ราคาถูกกว่ามาก ฯลฯ ชีวิตของเราก็เหมือนกัน... แม้จะไม่ได้อะไรที่ดีที่สุด "ดังใจ" ก็ขอให้มีความสุขเล็ก ๆ กับอะไรที่ดีรองลงไปให้ได้ ถ้าไม่มีสตางค์ไปเที่ยวรอบโลกคราวละ 2 รอบก็ขอให้มีความสุขกับการวิ่งกับน้องหมารอบหมู่บ้านให้ได้ 2 รอบให้ได้
 (3). ให้รางวัลกับตัวเองบ้าง
ทำตัวให้มีชีวิตชีวา และหัดใช้ชีวิตแบบเรียบ-ง่าย-ประหยัด เช่น ถ้าจะดื่มชา... ควรหัดไม่พึ่งพิงว่า จะต้องชาจากที่แสนไกลหรือแสนแพงจึงจะมีความสุข มีความสุขให้ได้กับชาถ้วยนี้ หัดดื่มชาธรรมดาๆ ถ้วยนี้ให้มีความสุขแบบ "ราจ้า-รานี่ (ภาษาฮินดี อินเดีย = ราชา ราชินี - แขกมักจะเรียกลูกค้าแบบนี้ตอนขอทิป เพื่อทำให้ลูกค้าเคลิบเคลิ้ม ลืมตัว)
คนที่มีความสุข "เล็ก ๆ" บ่อย ๆ มีแนวโน้มจะมีความสุขมากกว่าคนที่มีความสุข "ใหญ่ ๆ" นาน ๆ ครั้ง โดยเฉพาะคนที่มีความสุขง่ายๆ เช่น อาบน้ำธรรมดาๆ กับสบู่ก้อนละไม่ถึงสิบบาทก็มีความสุขได้ ฯลฯ
ปี 2551 ผู้เขียนมีประสบการณ์ไปทำบุญในพม่าหลายครั้ง คนพม่ามักจะบอกว่า คนไทยคงจะมีความสุขมากเพราะมีงานทำและมีข้าวกิน... ทำให้คิดได้ว่า ถ้าเรามีความสุขง่ายๆ ได้แบบนี้คงจะดีไม่น้อยเลยทีเดียว
 (4). กล้าแสดงออกให้มากขึ้น
คนที่กล้าแสดงออก (extroverts) มีแนวโน้มจะมีความสุขมากกว่าคนที่ไม่กล้าแสดงออก แม้แต่คนที่ไม่กล้าแสดงออก (introverts) ถ้าฝึกบ่อย ๆ ก็มีความสุขได้ เช่น ฝึกร้องเพลงคาราโอเกะคนเดียวก่อน แล้ววันหลังชวนเพื่อนมาลุยกันที่บ้าน ฯลฯ
ถ้าไม่ชอบร้องเพลง... ควรหาโอกาสสวดมนต์โดยเลือกทั้งบาลีและไทย เพื่อให้สมองได้ฝึกระบบภาษาหลายๆ ภาษาไปพร้อม ๆ กัน ยิ่งถ้าสวดเป็นภาษาอังกฤษได้ด้วย... ยิ่งดี
 (5). เสริมแรงจูงใจ
อย่ารอให้ใครมาจูงใจเรา... เราต้องเริ่มจูงใจตัวเองให้มี "แรงจูงใจ" อะไรดี ๆเช่น กล้าที่จะเข้าชั้นเรียนอะไรใหม่ๆ ซึ่งเมืองไทยมีให้เลือกมากมาย เช่น เรียนรู้เรื่องใหม่ๆ จากมหาวิทยาลัยเปิด (มสธ.มร.)วิทยาลัยสารพัดช่าง ฯลฯ
ไม่จำเป็นต้องเรียนเอาวุฒิ หรือปริญญามาเก็บไว้เป็นปี๊บ ๆ... เรียนรู้อะไรก็ได้ที่ชอบ เช่น อาหารไทย คอมพิวเตอร์ โยคะ ไทเกก-ไทชิ มวยจีน ฯลฯ
 (6). มองความทุกข์เป็นเรื่องธรรมดา
ไม่ว่าเราจะมีสุขหรือทุกข์... เราก็ไม่ได้สุขหรือทุกข์คนเดียวคนอื่นก็สุข ๆ ทุกข์ ๆ ขึ้นบ้างลงบ้างแบบนี้ คนที่มีสุขทั้งวันมีเหมือนกัน เช่น คนบ้าบางคนที่สร้างโลกได้ด้วยการฝันกลางวัน ฯลฯ
ประเด็นสำคัญอยู่ที่ว่า ไม่จำเป็นอย่าหมกมุ่นอยู่กับความทุกข์ของตัวเอง เพราะจะทำให้เกิดวงจรแบบ "พายเรือในอ่าง" ทำให้ความทุกข์ท่วมท้น ทางที่ดีกว่า คือ ลุกขึ้นจากเรือ และออกมาจากอ่าง หันไปดูภายนอก
ชีวิตจริงมีคนที่ทุกข์กว่าเรามากมาย เช่น คนในอาฟริกาที่อดตาย ชนกลุ่มน้อยในบางประเทศ ฯลฯถ้าเรามีอาการ "เศร้า-เหงา-เซง" ก็อย่าเพิ่งตกใจ
เพราะคนบนโลกเบี้ยวๆ ใบนี้ 10 คนมีโอกาสเป็นโรคซึมเศร้า มากบ้างน้อยบ้าง 1คนพวกที่ประสาทดีบ้างร้ายบ้างมากกว่านี้และพวกที่บ้าอำนาจ-รักษาไม่หายมีมากเหลือเกิน... เราไม่ได้ทุกข์อยู่คนเดียว คนอื่นก็ทุกข์เหมือนกัน
 (7). ทำงานเฉพาะของเราให้ดี
ทำงานส่วนของเราให้ดี มีความสุขพอสมควร และอย่าไปคาดหวังกับคนอื่นให้มาก... ผู้เขียนสังเกตจากคนที่เป็นโรคซึมเศร้า-เหงา-เซง ส่วนใหญ่จะพูดอะไรคล้ายๆ กัน คือ ปวดไปทั้วตัว โดยเฉพาะ "ปวด 3 อย่าง" ได้แก่ ปวดหัว-ปวดท้องน้อย-นอนไม่หลับ (ปวดใจ)ถามว่า ทำไมปวด ท่านบอกว่า เพราะคนอื่นไม่ดี
ถ้าเราไม่อยากเป็นแบบนั้นก็ไม่ควรไปคาดหวังกับคนอื่นให้มาก คาดหวังกับตัวเราคนเดียวก็เหนื่อยพอแล้ว
ทีนี้ถ้างานไม่มีความสุขเลยก็ไม่ต้องตกใจ... ให้ลองคิดถึงคนที่ตกงานบ่อยๆ เพราะคนที่ตกงานมีความทุกข์มากกว่าคนที่มีงานทำแยะเลย
 (8). เชื่อเรื่องกรรม (ข้อนี้จะยกตัวอย่างมาทั้งย่อหน้าเลย เพราะชาวตะวันตกพูดบ่อยเหลือเกิน)
'Assume that karma is real: what you give, you get back. If you treat people well, you'll be treated well. If you spread happiness, you'll reap happiness. If you are generous, you'll be rewarded with generosity. Practice loving, compassion, and extraversion.' [ Telegraph ]
แปลว่า "คิดว่า กรรมมีจริง (karma = กรมะ = กรรม): คุณให้อะไรคุณจะได้สิ่งนั้นกลับมา. ถ้าคุณปฏิบัติต่อคนอื่นดีคุณจะได้รับการปฏิบัติที่ดี (ไม่วันใดก็วันหนึ่ง ไม่เร็วก็ช้า). ถ้าคุณแบ่งปันความสุขคุณจะได้ความสุขอันงอกงามไพบูลย์. ถ้าคุณใจกว้าง เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ มีเมตตาคุณจะได้รับคุณความดีเหล่านี้เป็นรางวัล. ขอให้ฝึกรักผู้อื่นแบบเมตตา (ไม่ใช่ผูกพัน)เอาใจเขามาใส่ใจเราและเผื่อแผ่เมตตานี้ออกไปภายนอก."
 (9). ทำ '5กับชีวิตเสมอ 
ทำ '5กับชีวิตของเรา เริ่มจากการ "สะสาง" ของที่ไม่ใช้ออกไปจากบ้าน,สะสางคนใจร้ายหรือมองโลกในแง่ร้ายออกไปจากชีวิตติดต่อกับคนที่มีจิตใจดีหรือมองโลกในแง่ดีมากขึ้น
 (10). อย่าลืมว่า คนเราไม่ได้เกิดมามีความสุขล้วน
 คนไม่ได้เกิดมามีสุขอย่างเดียว ทว่า... เกิดมามีสุขทุกข์คลุกเคล้า ผสมผสานกันไป... ต่างกันแต่มุมมอง ความอดทน และการพลิกวิกฤตให้กลายเป็นโอกาส
การฝึกมองโลกในแง่ดี เริ่มจากการหัดแสดงคามกล้าหาญด้วยการกล่าวคำ "ขอโทษ ขอบคุณ ขอบใจ" บ่อยๆกล่าวชมคนรอบข้างจากใจจริงให้ได้อย่างน้อยวันละครั้ง และต่อไปเพิ่มเป็น 3 ครั้งหลังอาหาร มีส่วนช่วยให้คนเรามองโลกในแง่ดีมากขึ้น


หัดคบคนที่มองโลกในแง่ดี... แล้วจะพบว่า ความดีและความสุขนั้น ติดต่อกันได้และอย่าปล่อยให้คนใจร้าย หรือคนมองโลกในแง่ร้ายเข้ามาครอบงำชีวิต หรือความคิดของเรา (อีกต่อไป)



คุณเลือกได้ว่าจะใช้ชีวิตแบบไหน ขอเพียงแค่เรามีความสุขกับสิ่งที่ทำและไม่ทำให้ใครเดือดร้อนก็พอ


ผลงานรางวัลลูกโลกสีเขียวของเยาวชน